PhillipCapital Your Partner in Investment

poems poems

ศูนย์การเรียนรู้
9 บริษัท แห่งอุตสาหกรรมความงามญี่ปุ่น

 

ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความใส่ใจต่อผู้บริโภคอย่างมาก ด้วยอัตราอุปโภคบริโภคในประเทศที่สูง ทำให้บริษัทต่าง ๆ ตั้งใจผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานและคุณภาพสูงตาม รวมถึงวิจัยสร้างนวัตกรรมด้านใหม่ ๆ ออกมาขาย ซึ่งรวมถึงสินค้าด้านความงามด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันเครื่องสำอาง สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม สามารถซื้อออนไลน์ง่ายขึ้น ประกอบกับมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้มีช่องทางนำเสนอวิธีดูแลตนเอง การแต่งตัว การสอนแต่งหน้า รีวิวผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการซื้อสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มมากตาม หลังเปิดประเทศสินค้ากลุ่มนี้ก็เป็นที่หมายตาของสายช้อป ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้สินค้าเหล่านี้ยิ่งขึ้น ส่งผลดีกับตลาดหุ้นญี่ปุ่นต่อไป
  • ผลิตภัณฑ์ความงามของญีปุ่นมีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพ และความใส่ใจผู้บริโภค
  • กำลังซื้อในประเทศที่เยอะที่เยอะและมีมาตรฐานสูง บริษัทต่าง ๆ จึงต้องแข่งกันมากขึ้น ทั้งในหมู่บริษัทใหญ่ด้วยกัน และ บริษัทเกิดใหม่
  • ปัจจุบันช่องทางเข้าถึงและนำเสนอมีสินค้าเยอะขึ้น ทำให้วความต้องการซื้อสูงขึ้นเรื่อย ๆ
  • บริษัทความงามของญี่ปุ่น มีหลายบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และการเปิดประเทศก็มีผลกับผลประกอบการและราคาหุ้นอย่างมาก
 
DHC Corporation

ราว ๆ 40 ปีก่อน ช่วงปี 1970 เครื่องสำอางส่วนใหญ่มักผลิตจากวัตถุสังเคราะห์ แต่ DHC เป็นบริษัทแรก ๆ ที่เริ่มวิจัยเพื่อนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาผลิตสินค้า จนเกิดเป็น DHC Olive Virgin Oil เอสเซนส์บำรุงผิวจากธรรมชาติ 100%

ปัจจุบัน DHC ยังคงวิจัยและผลิตเครื่องสำอางที่มีประสิทธิภาพสูง อ่อนโยนต่อผิว เกิดเป็นสายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นมา เช่น อาหารเสริม ยารักษาโรค อาหารคุณภาพสูง อาหารสัตว์ นอกจากนี้ยังมีกิจการอื่น ๆ อีกมาก เช่น เสื้อผ้าสตรี เบียร์ รีสอร์ต ออนเซ็น บริการล่ามและแปลภาษา สิ่งพิมพ์ คอร์สเรียนออนไลน์ และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ สินค้า DHC ที่เด่นในไทยคือ อาหารเสริม และวิตามินต่าง ๆ


FANCL Corporation (TYO: 4921)

FANCL (ฟานเค็ล) ก่อตั้งในปี 1980 ด้วยเจตนารมณ์จะผลิตเครื่องสำอางแบบอ่อนโญน ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับผิวหนัง เนื่องจากในช่วงปี 1980 ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องเครื่องการแพ้สำอาง โดยหลังจากก่อตั้งไม่นานก็มีการแตกแบรนด์ ATTENIR ออกมา

ผลิตภัณฑ์ของ FANCL แบ่งออกเป็นด้านความงามและเสื้อผ้าคือ เครื่องสำอาง ชุดชั้นใน และอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารเสริม ข้าวเก็นไม น้ำผักเคล และบริการดูแลสุขภาพให้กับพนักงานองค์กรต่าง ๆ ในปี 2022 นี้ FANCL มีผลิตภัณฑ์ที่ยอดขายดีมากอย่าง MILD CLEANSING OIL และอีมัลชั่น ATTENIR Dress Snow โดยมีทั้งยอดซื้อจำนวนมากทางออนไลน์ และทางหน้าร้านที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังโควิด


Fujifilm (TYO: 4901)

เชื่อว่าคนทั่วโลกต่างคุ้นเคยกับ Fujifilm ในฐานะผู้นำด้านฟิล์มถ่ายรูป กล้องดิจิทัล กล้องอินสแตนท์ และเลนส์เสริม แต่ที่จริง Fujifilm มีธุรกิจอื่น ๆ ในเครือมากมาย เช่น เซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์การแพทย์ ฯลฯ ซึ่งรวมถึงสินค้าความงามอย่าง ASTALIFT ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจของ Fujifilm

ASTALIFT เกิดจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ของแบรนด์ เช่น นาโนเทคโนโลยี คอลลาเจน และการเคลือบป้องกัน UV ที่เคยใช้เพื่อรักษาสภาพฟิล์มรูปภาพ โดยนำมาพัฒนาปรับใช้ใช้กับสกินแคร์แทน ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจนมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น เครื่องสำอาง และอาหารเสริม และได้รับความนิยมขยายไปยังจีน และยุโรป


Hada Labo | Rohto Pharmaceutical (TYO: 4527)

Hada Labo เป็นแบรนด์ที่เกิดจากบริษัทยาเก่าแก่ของญี่ปุ่นอย่าง Rohto Pharmaceutical ที่มีประสบการณ์ผลิตยาและเครื่องสำอางมากว่า 100 ปี โดยชื่อ Hada Labo มาจากคำว่า ผิว (ฮาดะ) และ Laboratory (ลาโบะ) หรือศูนย์วิจัยด้านผิว โดย Hada Labo ผลิตสินค้าความงามที่เน้นความเรียบง่าย ไม่ใช้ ไม่ผสมอะไรเกินกว่าที่ผิวต้องการ

Hado Labo เป็นแบรนด์สกินแคร์ขายดีของญี่ปุ่น โดยสินค้าที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นคือ Super Hydrating Lotion หรือน้ำตบขวดขาว ซึ่งเป็นสินค้ายอดนิยมในไทยเช่นกัน ปัจจุบัน Hada Labo มีการจำหน่ายสินค้าทั้งใน เอเชีย สหรัฐ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ส่วนในยุโรปก็มีการจำหน่ายในโปแลนด์เป็นที่แรก


Kao Corporation (TYO: 4452)

Kao ก่อตั้งในปี 1887 ด้วยชื่อ Nagase Shoten ปี 1887 แต่เดิมเป็นร้านนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าจากประเทศโลกตะวันตก ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Kao และก่อตั้งโรงงานผลิตสบู่ชื่อ Kao Sekken และมีการก่อตั้งศูนย์วิจัย จากนั้นก็เริ่มผลิตสินค้าต่าง ๆ ออกมามากมาย ทั้งสินค้าที่วิจัย-ผลิตเอง และสินค้าที่ร่วมมือกับแบรนด์อื่น ๆ นำเข้ามาขายในญี่ปุ่น

Kao ตั้งสาขาต่างประเทศแห่งแรกที่ไทย ปี 1964 โดยแบรนด์สินค้าของ Kao ในปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก ได้แก่ Curel, Kanebo, Jergens, Liese และ Biore ซึ่งใน Q3 2022 Kao มียอดขาย 270.8 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 3.7% เทียบกับ Q3 2021 สำหรับในไทยสินค้ายอดนิยมจาก Kao คือ ครีมกันแดดจาก Biore


Kosé (TYO: 4922)

Kosé เริ่มกิจการผลิตเครื่องสำอางและทำการตลาดในปี 1946 และ มีการเพิ่มแบรนด์ Albion ออกมาเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางระดับพรีเมียม ทาง Kosé มีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับ L’Oréal ยักษ์ใหญ่ฝรั่งเศสมาตลอดจนหมดสัญญาเมื่อปี 2001

เมื่อไตรมาส 3 ที่ผ่านมา Kosé มีกำไรจากการดำเนินงาน 12.4 พันล้านเยน ซึ่งดีขึ้นเล็กน้อย หลังโควิด-19 เริ่มควบคุมได้ สำหรับในประเทศไทย สกินแคร์ยอดนิยมของ Kosé คือตระกูล Sekkisei ซึ่งมีตัวสินค้าชูโรงคือ มาส์กหน้าเนื้อครีมดำ และ ไวท์เทนนิ่งโลชั่น นอกจากนี้ก็มีสปาทรีทเมนต์ผิว Kosé Beauty Center อีกด้วย


Mandom (TYO: 4917)

Mandom ก่อตั้งในปี 1927 ในฐานะบริษัทนำเข้าจัดจำหน่ายสินค้า แต่มีการวิจัยผลิตสินค้าอยู่บ้าง สินค้าขายดีตัวแรกคือโพเมด ต่อมาในปี 1977 มีสายผลิตภัณฑ์ชื่อ Mandom Series ที่ได้ดาราฮอลลีวูด Charles Bronson เป็นพรีเซ็นเตอร์ ในปีถัดมาบริษัทก็เปลี่ยนสถานะจากบริษัทจัดจำหน่าย เป็นผลิตสินค้าขายโดยตรง

ผลิตภัณฑ์ Mandom ที่ชาวไทยโดยเฉพาะผู้ชาย คุ้นเคยและนิยมที่สุดคือ GATSBY ที่เน้นผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ส่วนสินค้าฝั่งผลิตภัณฑ์ผู้หญิงที่โด่งดังที่สุดคือคลีนซิ่ง Bifesta ช่วงเมษายน - กันยายน 2022 (Q1+Q2 ) Mandom มีกำไรจากการดำเนินงาน 646 ล้านเยน จากยอดขายสุทธิ 29 .3 พันล้านเยน


Shiseido (TYO: 4911)

Shiseido ก่อตั้งในปี 1872 ในตอนนั้นเป็นร้านขายยาสไตล์ตะวันตกร้านแรกในญี่ปุ่น มีการวางจำหน่ายเวชภัณฑ์ สินค้าในชีวิตประจำวัน น้ำหอม และสกินแคร์ออกมาเรื่อย ๆ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ความงามที่ใหญ่สุดของญี่ปุ่น และเก่าแก่ที่สุดของโลก Shiseido มีแบรนด์สินค้ากว่า 26 แบรนด์ ไม่รวมบริษัทลูกอื่น ๆ ในเครือ

แบรนด์ Shiseido มีสินค้าทั้งสกินแคร์ทั้งของผู้หญิง และ Shiseido Men รวมถึงเครื่องสำอาง และอุปกรณ์แต่งหน้า สำหรับแบรนด์อื่น ๆ ภายใต้ Shiseido ที่โด่งดังในไทย เช่น น้ำหอมที่ร่วมมือกับ Issey Miyake, NARS และ Anessa รวมถึง Elixir ที่กลับมาทำตลาดในไทยอีกครั้ง ช่วงมกราคม - กันยายน 2022 Shiseido มีกำไรจากการดำเนินงาน 35.7 พันล้านเยน


SK-II (P&G)

SK-II ถือกำเนิดในช่วงปี 1980 เริ่มจากการที่นักวิทยาศาสตร์บังเอิญพบว่า มือของหญิงสูงวัยที่สัมผัสกับยีสต์หมักในโรงกลั่นสาเก มีผิวที่นุ่มนวล ส่วนประกอบของยีสต์ที่หมักภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดได้ชื่อว่า Pitera ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของผลิตภัณฑ์จาก SK-II

ผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังที่สุดของ SK-II จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเอสเซ้นส์สำหรับผิวหน้า หรือที่เรียกกันติดปากว่าน้ำตบนั่นเอง สำหรับ SK-II อาจจะเรียกว่าบริษัทญี่ปุ่น 100% ไม่ได้ เพราะในปี 1991 Procter and Gamble หรือ P&G ได้ซื้อกิจการ SK-II ไปเรียบร้อยแล้ว

อุตสาหกรรมความงามก็เป็นอีกหนึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี เพราะในปัจจุบันผู้คนนิยมดูแลตนเองทั้งภายนอกและภายในมากขึ้น กำแพงเรื่องเพศก็เริ่มทลายลง ทุกเพศ ทุกวัยสามารถสร้างบุคลิกดี ๆ ผ่านการใช้ เครื่องสำอาง สกินแคร์ ได้ รวมถึงการใช้จ่ายกับอุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า อาหารการกิน

หากเรื่องราวของบริษัทเหล่านี้ ช่วยสร้างแนวคิดใหม่ ๆ ในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ คุณสามารถเลือกลงทุนผ่าน Phillip Global Markets
ที่เปิดให้ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น และหุ้นต่างประเทศอื่น ๆ ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 50,000 บาท โทร. 02-635-3055 หรือ Line : @phillipglobal ( คลิก https://lin.ee/q0bIxVg)